top of page
ค้นหา

ตามมาดูชีวิตนักศึกษาสาย Deep Tech ที่ Stanford กับ Petch

  • รูปภาพนักเขียน: Beyond Digital
    Beyond Digital
  • 15 ก.ค.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 23 ก.ค.


Image from Money.com
Image from Money.com

เคยสงสัยไหมคะว่า นักศึกษาที่เรียนด้านพลังงานและ AI ที่ Silicon Valley ใช้ชีวิตกันอย่างไร?

วันนี้มายด์จะพาไปรู้จักกับ Petch (Pojchara) Ounjaroen หนุ่มนักเรียนทุน PTTEP ผ่านโครงการทุนเล่าเรียนหลวง ที่กำลังเรียนแบบ coterm ที่ Stanford University ในสาขา Energy Science and Engineering (BS) และ Management Science and Engineering (MS) พร้อมกับบทบาทผู้ร่วมก่อตั้งและ COO ของสตาร์ทอัพด้าน Earth AI ที่ชื่อว่า RIFFAI ใครที่สนใจเรื่องสตาร์ทอัพ พลังงาน หรืออนาคตของ AI ใน Southeast Asia ต้องไม่พลาดบทสัมภาษณ์นี้เลยค่ะ


Image from The Secret Sauce
Image from The Secret Sauce

🌱มายด์: ช่วยแนะนำตัว และเล่าเส้นทางของ Petch ในฐานะผู้ก่อตั้ง RIFFAI หน่อยค่ะ

Petch: สวัสดีครับ ผมชื่อ Petch (Pojchara) Ounjaroen ตอนนี้เรียน coterm ที่ Stanford University ด้วยทุน PTTEP จากโครงการทุนเล่าเรียนหลวงครับ ผมเริ่มต้นเส้นทางสตาร์ทอัพเมื่อเดือนเมษายน 2024 ที่ ASES Summit ของ Stanford ซึ่งเป็นงานรวมตัวคนรุ่นใหม่ในสายพลังงานและเทคโนโลยี ผมได้พบกับ Natchita Wanicharoenchai ผ่านการแนะนำของเพื่อนที่โฮสต์เธอมาร่วมงาน และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็แนะนำให้ผมรู้จัก Kolatat Katousano ซึ่งเป็น CEO ของ RIFFAI พวกเราร่วมกันต่อยอดไอเดียเกี่ยวกับการใช้ดาวเทียมร่วมกับ AI เพื่อติดตามข้อมูลโลกแบบ real-time เช่น การพยากรณ์ภัยธรรมชาติ การจัดการขยะ คาร์บอน และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิตพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน ผมรับหน้าที่เป็น Chief Operations Officer (COO) ของบริษัทครับ ดูแลด้านกลยุทธ์ การดำเนินงาน และความสัมพันธ์กับนักลงทุนทั้งใน Southeast Asia และ Bay Area


🌏 มายด์: มองเห็นความแตกต่างของ ecosystem ระหว่าง Silicon Valley กับกรุงเทพฯ ยังไงบ้างคะ?

Petch: ถึงผมจะยังไม่ได้คลุกคลีกับวงการสตาร์ทอัพไทยมากนัก แต่ใน Silicon Valley นักลงทุนกล้าลงทุนตั้งแต่ระดับไอเดียเลยครับ โดยเฉพาะที่ Stanford เราเห็น VC หรือแม้แต่ศาสตราจารย์เองก็มี fund ของตัวเอง และยินดีลงทุนในโปรเจกต์นักศึกษา ในคลาสเรียน หรือแม้แต่กิจกรรม networking ทั่วไป ก็มีโอกาสที่ไอเดียจะเติบโตเป็นบริษัทจริงได้ ผมเคยมีโอกาสจัดงาน Stanford Southeast Asia Business Conference แล้วได้พบกับ VC ชั้นนำจาก SEA เช่น Forge VC, SeaX Ventures, East Ventures, Intudo Ventures และ Iterative Capital ซึ่งนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ มากมาย


⚡ มายด์: ถ้ามองเทรนด์สำหรับคนอยากเริ่มต้นธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนนี้ Petch มองว่าอะไรน่าสนใจที่สุด

Petch: ผมอาจจะลำเอียงนิดหน่อย 5555 เพราะเรียนด้านพลังงานที่ Stanford แต่ผมมองว่า energy sector มีโอกาสมากจริงๆ โดยเฉพาะการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างแสงอาทิตย์ ลม หรือ geothermal ภูมิภาคเราเหมาะมากกับ solar และ wind farms จากสภาพภูมิอากาศ รวมถึง Indonesia กับ Philippines ที่มี geothermal resources ขนาดใหญ่

AI ก็เข้ามาช่วยในหลายมิติ เช่น ตรวจสอบการใช้พลังงานในอาคาร, วิเคราะห์ศักยภาพการจัดเก็บพลังงาน หรือแม้กระทั่งช่วยคาดการณ์พฤติกรรมการบริโภคในระดับเมือง เป็นการผสมเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริงครับ


📱 มายด์: มองว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนการใช้งาน LinkedIn หรือการสื่อสารของผู้ประกอบการไทยยังไงบ้างคะ?

Petch: ตอนนี้เราอยู่ในยุคของ Generative AI ที่มีเครื่องมืออย่าง ChatGPT, Claude หรือ Perplexity ที่ช่วย generate content ให้แต่สิ่งที่กำลังจะมาแรงคือ "Agentic AI" ซึ่ง AI จะไม่เพียงแค่ให้คำแนะนำ แต่จะสามารถ "ลงมือทำ" แทนเราได้เลย เช่น เขียนและส่งข้อความไปหาผู้บริหารหรือพันธมิตรที่เหมาะสมบน LinkedIn โดยอัตโนมัติ สำหรับ SME หรือสตาร์ทอัพไทย ผมคิดว่า AI จะช่วยลดช่องว่างระหว่างไอเดียและการลงมือทำได้เยอะเลยครับ


🌍 มายด์: แล้วถ้าผู้ก่อตั้งไทยอยากขยายหรือย้ายบริษัทไปต่างประเทศ มีอุปสรรคอะไรบ้างคะ?

Petch: ผมคิดว่า "ความน่าเชื่อถือ" ของ ecosystem ไทยยังเป็นจุดที่เราต้องพัฒนาอีกเยอะครับ หลาย VC ต่างชาติมองว่า startup ที่ incorporate ในไทยยังเสี่ยงในด้านกฎหมายหรือการเงิน เลยทำให้มีแนวโน้มไปลงทุนในสิงคโปร์หรืออินโดนีเซียมากกว่า ดังนั้น สำหรับผู้ก่อตั้งไทย ผมแนะนำว่าถ้ามีโอกาสจดทะเบียนบริษัทในประเทศที่มี infrastructure ด้าน startup ดีกว่า เช่น สิงคโปร์ ก็จะช่วยเปิดโอกาสให้เข้าถึงนักลงทุนและเติบโตได้ไวขึ้นแต่ผมยังเชื่อในศักยภาพของคนไทยนะครับ แค่บางครั้งเราต้องวางแผน smart ในเชิงกลยุทธ์เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสใหญ่ครับ


💰 มายด์: ถ้าพูดเรื่องหาเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพ early-stage ใน Silicon Valley กับกรุงเทพฯ มีอะไรที่ควรระวังหรือเตรียมตัวยังไงบ้างคะ

Petch: ในไทย นักลงทุนส่วนใหญ่ค่อนข้างระมัดระวังและมักต้องการเห็น traction ก่อนจะลงทุนครับ ขณะที่ใน Silicon Valley นักลงทุนพร้อมจะลงทุนตั้งแต่ pre-seed ถ้าเชื่อในทีมและไอเดีย ปกติ angel investment ที่นี่เริ่มต้นที่ $30,000–$50,000 ได้ไม่ยาก ส่วน VC ก็พร้อมลงหลักล้านตั้งแต่ยังไม่มีรายได้เลยสิ่งที่อยากแนะนำผู้ประกอบการไทยคือ อย่ารอจนทุกอย่าง “พร้อม” แล้วค่อยไปหาเงินทุน เพราะในโลกของสตาร์ทอัพ คนที่ "กล้าเริ่ม" ก่อนคือคนที่ได้เปรียบที่สุดครับ


Image from The Secret Sauce
Image from The Secret Sauce

💬 มายด์: สุดท้าย อยากให้ Petch ฝากข้อคิดสั้น ๆ สำหรับคนที่อยากเป็นผู้ประกอบการในไทยหน่อยค่ะ

Petch: สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จาก Silicon Valley คือ นักลงทุนไม่ได้ลงทุนแค่ไอเดีย หรือแค่ดูตัวเลขสวยๆ แต่เขาลงทุนใน "คน" ถ้าคุณอยากเริ่มสตาร์ทอัพ ลองเริ่มจากการพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่คนอยากร่วมงานด้วยก่อนเวลาคุยกับเพื่อนร่วมทีม นักลงทุน หรือพันธมิตรธุรกิจ อย่าเพิ่งรีบ pitch ตัวโปรดักต์ แต่แสดงให้เขาเห็นก่อนว่า “คุณ” เป็นคนแบบไหน และเขาจะได้อะไรจากการทำงานกับคุณครับ


เรื่องราวของ Petch เป็นแรงบันดาลใจดี ๆ ว่าความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยสามารถเติบโตได้ไกล หากเรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและรู้จักสร้างโอกาสใครที่ฝันอยากสร้างสิ่งใหม่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือ Silicon Valley จุดเริ่มต้นอาจแค่เริ่มต้นบทสนทนากับใครสักคน... แล้วปล่อยให้โลกพาคุณไปไกลกว่าที่คิดค่ะ


Interviewer: Mild Annita L. (https://www.linkedin.com/in/annital/)

Interviewee: Petch Pojchara Ounjaroen (https://www.linkedin.com/in/pojcharaounjaroen/)





 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page